เข้มแน่! เดือนหน้ารณรงค์วินัยจราจร พร้อมกวดขัน-จับปรับจอดรถในที่ห้ามทั่วกรุง..D - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2565

เข้มแน่! เดือนหน้ารณรงค์วินัยจราจร พร้อมกวดขัน-จับปรับจอดรถในที่ห้ามทั่วกรุง..D

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 เวลา 09.30 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมหารือกับ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้างานจราจร (จร.)และคณะ เรื่อง การจัดการจราจรในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการพูดคุยกันมา อย่างต่อเนื่อง และจะเริ่มมีผลเป็นรูปธรรม เรื่องแรกคือการใช้เทคโนโลยีเข้ามากำกับสัญญาณไฟจราจร จากปัจจุบันที่มีปัญหาต่างคนต่างกดสัญญาณ และไม่ได้เห็นภาพรวม ก็จะมีการนำระบบ ITMS (intelligence traffic management system) มาใช้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ บช.น. เพื่อศึกษารูปแบบที่เหมาะสม ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น การให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการ หรือใช้วิธีการปรับผู้ทำผิดกฎจราจรแล้วนำรายได้จากค่าปรับมาลงทุนทำระบบซึ่งในต่างประเทศก็มีทำกันเป็นการแก้ปัญหาในระยะกลางและระยะยาว ซึ่ง เป็นหนึ่งในโยบายที่กำหนดไว้แล้ว

อีกเรื่องหนึ่งคือการลงผังจุดที่มีปัญหาการกระทำผิดกฎจราจร การจอดรถในที่ห้ามจอด เช่น กรณีจอด ส่งของในจุดที่ห้ามจอด เมื่อจอดแล้วทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดยาวต่อเนื่อง ทางบช.น. ได้รวบรวมข้อมูลสถิติจุดที่มีปัญหาบ่อย ขณะที่ทางสวทช. ซึ่งดูระบบ Traffy fondue ได้รวบรวมปัญหาร้องเรียนผ่านระบบเรื่องการจอดรถผิดกฏหมายจอดในที่ห้ามจอดในช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีมากกว่า 9000 ครั้ง ซึ่งต่อไปทั้ง 50 เขตจะนำจุดที่เป็นปัญหาเหล่านี้จัดทำแผนร่วมกับสถานีตำรวจท้องที่ เพื่อลงไปกำกับดูแลในพื้นที่อย่างเข้มงวด เช่น ตำรวจดำเนินการจับปรับผู้ทำผิดกฎจราจร ล็อคล้อผู้ฝ่าฝืนจอดในที่ห้ามจอด โดยให้เธดสะกิดออกกวดขันกดดันการจอดรถในที่ห้ามจอดเพื่อให้การจราจร ไหลลื่นขึ้น

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวด้วยว่า สัปดาห์หน้าทั้ง 50 เขตและสอนอจะเริ่มทำแผนกันในจุดที่มีปัญหาการจราจรให้ทำให้การจราจรไหลลื่นขึ้น ขณะเดียวกันก็ในต้นเดือนหน้าก็จะเริ่มการรณรงค์วินัยการจราจรอย่างเข้มข้นควบคู่กันไป นอกจากนี้ยังมีแนวทางร่วมกับห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในการจัดพื้นที่จอดรอด้านในสำหรับแท็กซี่ ซึ่งหลายห้างฯทำแล้ว แต่บางแห่งยังไม่ได้ทำ จึงต้องช่วยกันรณรงค์ต่อไป (ขอบคุณข่าวและภาพจากเพจprbangkok.com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น