ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ยอดรับรู้รายได้ 1,632.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 338.1 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.305 บาท - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2565

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ยอดรับรู้รายได้ 1,632.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 338.1 ล้านบาท พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.305 บาท


บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2565 มียอดรับรู้รายได้ที่ 1,632.7 ล้านบาท ขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้า 3% แต่หดตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวของปีก่อนที่ 2.5% ทั้งนี้บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี ในภาวะที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นทั่วโลก โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39.2% รวมถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขาย และการบริหาร ได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ส่งผลให้ในไตรมาส 2 ปี 2565 นี้ บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 338.1 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิที่ 20.7%

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.305 บาท เพิ่มขึ้นจากอัตราเงินปันผลระหว่างกาลปีก่อนหน้าที่ 3.4% โดยกำหนดวัน Record Date ผู้มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 30 สิงหาคม 2565 และจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 กันยายน 2565 ซึ่งเมื่อเทียบกับระดับราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield ทั้งปีที่ราว 6.9%

นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” กล่าวว่า ในช่วงปี 2565 นี้ เป็นอีกปีที่ท้าทายการดำเนินธุรกิจอย่างมาก โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมามีปัจจัยเสี่ยงเข้ามาหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในเรื่องของ Geopolitical Risk การแบ่งขั้วของมหาอำนาจโลก สงครามระหว่างรัฐเซียกับยูเครน จนมาถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ จีน ไต้หวัน นอกจากนี้ทั้งโลกยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงในเรื่องของเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ในแง่ของประเทศไทย ทาง กนง.ได้มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 0.25% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า และอาจปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปี อย่างไรก็ดีมองว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะปรับตัวขึ้นได้กว่าในช่วงครึ่งปีแรกจากแรงหนุนในภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศ การบริโภคภาคเอกชนที่น่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง

ในส่วนของลลิลฯ ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มียอดรับรู้รายได้แล้ว 3,218.5 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.5% โดยยังคงบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ในสภาวะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น โดยคงระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ระดับ 39.2% ในขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) อยู่ที่ 9.6% ซึ่งทำได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 665.7 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 20.7%

สำหรับการขยายธุรกิจ มั่นใจว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถขยายธุรกิจ เปิดโครงการใหม่ได้เป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ โดยในปีนี้ มีการเปิดโครงการใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ในไตรมาส 3 นี้ และที่เหลือในไตรมาสสุดท้ายของปีอีก 1-2 โครงการ ซึ่งแม้บริษัทจะมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่บริษัทมีการบริหารความเสี่ยงด้านการเงินอย่างรัดกุม มีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย มีวงเงินสำรองที่ยังไม่เบิกใช้อีกจำนวนมาก รวมถึงการหมุนรอบธุรกิจที่รวดเร็ว ช่วยให้บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นไตรมาสองนี้ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.58 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.38 เท่า และหากพิจารณาในแง่ของตัวเลข Net D/E ณ สิ้นไตรมาสสอง อยู่ที่ระดับเพียง 0.23 เท่า สะท้อนความเสี่ยงทางการเงินที่ต่ำ และศักยภาพในการขยายธุรกิจในอนาคตของบริษัท โดยไม่ติดปัญหาด้านสภาพคล่อง

สอบถามและชมข้อมูล ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เพิ่มเติมได้ที่
Call Center 1778 หรือ https://www.lalinproperty.com/news/results-q2-65/


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น