กทม.รับฟังปัญหาซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า​ นำปัญหามาพัฒนาการคัดแยกขยะของเมืองให้ครบวงจร..dd - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565

กทม.รับฟังปัญหาซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า​ นำปัญหามาพัฒนาการคัดแยกขยะของเมืองให้ครบวงจร..dd

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.65 เวลา 13.00 น. : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อหารือแนวทางการจัดการมูลฝอยและข้อปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายวิรัตน์ มนัสสนิทวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย นายชัยยุทธิ์ พลเสน นายกสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า นายฉัตรณพัฒน์ เทียนมงคล อุปนายกผู้แทนสมาคม ผู้แทนร้านรับซื้อของเก่า กรรมการสมาคม ผู้แทนกลุ่มซาเล้ง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องอัมรินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้กทม.รับข้อเรียกร้องจากสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า (Saleng and Recycle Trader Association) เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาวงจรขยะรีไซเคิลให้กับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งทางสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่ามีปัญหาการทำงานในวงจรขยะรีไซเคิลโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลมาเป็นเวลาหลายสิบปี จึงขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยแก้ไข
ปัญหา 12 ข้อ ดังนี้

1. จัดโครงการขึ้นทะเบียนซาเล้ง, สามล้อ สี่ล้อ ที่มีอาชีพรับซื้อของเก่า พร้อมทำประวัติ ฝึกอบรมแจกใบประกาศ แจกเสื้อทีม, แจกตราชั่งขนาด 60 กก.สำหรับชั่งซื้อขยะ ให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมครบหลักสูตร
2. เปิดโอกาสให้ซาเล้งที่ผ่านการฝึกอบรมสามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าเก็บขยะรีไซเคิลตามหมู่บ้าน คอนโดฯ และสถานที่ที่กทม.กำหนด
3. กำหนดสีของถุงใส่ขยะเปียกและขยะแห้ง โดยขยะเปียกใส่ถุงสีดำ ขยะแห้ง(รีไซเคิลได้)ใส่ถุงสีใส เพื่อลดระยะเวลาและลดปัญหาการฉีกถุงเพื่อค้นขยะ ป้องกันการเลอะเทอะสกปรก
4. เชื่อมต่อแอพพลิเคชั่นหรือแพลตฟอร์มเกี่ยวกับขยะรีไซเคิลให้ลิงค์เข้าหากัน เพื่อให้ซาเล้งหรือร้านรับซื้อของเก่าสามารถเข้าถึงขยะจากชุมชนได้ง่าย
5. ปัจจุบันปัญหาขยะกำพร้า (เศษวัสดุที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ) มีจำนวนมากและเป็นปัญหาส่วนหนึ่งที่สร้างปัญหาน้ำท่วม ขอให้กทม.ช่วยจัดจุดรับ 50 เขต เพื่อให้ชุมชน ซาเล้ง หรือร้านรับซื้อของเก่า สามารถนำมาฝากไว้และทางกทม.สามารถรวบรวมเพื่อนำไปเข้ากระบวนการขายเป็นขยะRDF ให้กับโรงปูนเพื่อทำเชื้อเพลิง หรือประสานให้เอกชนมารับประมูลต่อไป
6. กำหนดให้โรงเรียนในสังกัดกทม. บรรจุวิชาขยะรีไซเคิล เพื่อสอนให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้การแยกขยะชนิดต่าง ๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลและช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงเป็นแรงกดดันให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องปฏิบัติตาม
7. กำหนดวันเก็บขยะระหว่างขยะเปียกและขยะแห้งเพื่อนำไปรีไซเคิล ส่งแรงจูงใจและระเบียบวินัยแก่ชุมชนกทม.
8. ส่งเสริมให้หน่วยงานในกทม.ทั้งหมด บริโภคสินค้าต่าง ๆ ที่ใส่บรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้ 100% เท่านั้น เพื่อกดดันให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคได้ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงมากกว่ากำไรที่ได้
9. คิดค้นถังหมักขยะราคาถูก (หมักขยะเปียกได้ภาย 24 ชม.) ให้ประชาชนเข้าถึงได้ เพื่อเปลี่ยนเป็นดินปลูกต้นไม้ต่อไป ซึ่งในปัจจุบันราคาแพงมากประมาณกว่า 50,000 บาท
10. ปัจจุบันกทม.มีร้านรับซื้อของเก่า(ขยะรีไซเคิล) กระจายทั่วไปแต่มีจำนวนมากที่ไม่สามารถจดทะเบียนเป็นร้านค้าได้ เนื่องจากติดกฎหมายผังเมือง ขอให้ผู้ว่าฯกทม.ช่วยออกกฎหมายนิรโทษกรรมและเปิดลงทะเบียนร้านรับซื้อของเก่าให้ถูกต้อง สามารถมาทำงานร่วมกับกทม.ได้อย่างเปิดเผย โดยมีเงื่อนไข คือ ร้านค้าต้องปรับตัว แก้ไขปัญหาวางสินค้าให้ถูกต้อง ปรับปรุงเรื่องเสียง ควัน น้ำทิ้ง และสร้างภาพลักษณ์ของหน้าร้าน เช่น รั้ว กำแพง เพื่อโชว์ภาพให้มองดูสวยงามสะอาดตา สามารถขึ้นป้ายรณรงค์ในการรับซื้อหรือข้อความอื่น ๆ ที่กทม.กำหนด โดยมีโลโก้กทม. กรมควบคุมมลพิษ สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า มีชื่อร้านค้าตนเองโดยป้ายนี้มีขนาดใหญ่สุด 1.20X2.40 เมตร สามารถได้รับการยกเว้นภาษีป้ายได้ด้วยเป็นกรณีพิเศษ
11. ขอให้ออกหนังสือเวียนทุกสำนักงานเขต ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ออกหนังสือเรี่ยไรเงินตามกิจกรรมต่าง ๆ ทุกกิจกรรม
12. แรงงานซาเล้ง คือ แรงงานฟรี ไม่ต้องเสียเงินจ้าง เพียงแค่สนับสนุนเครื่องมือประกอบอาชีพและเปิดโอกาสให้

" มูลค่าของการรับซื้อของเก่าทั่วประเทศ คือกว่าสามแสนล้านบาท ซึ่งมีซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการนั้น โดยในกรุงเทพฯมีสมาชิกซาเล้งกว่า 30,000 คน ซึ่งต้องถือว่าเป็นซาเล้งช่วยชาติ เพราะเป็นผู้นำขยะไปรีไซเคิล ลดกระบวนการเก็บขยะโดยไม่เสียค่าจ้าง การมีอยู่ของซาเล้งจึงเป็นประโยชน์ต่อการดูแลขยะของเมือง เพราะฉะนั้นในภาพรวมถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะทำความเข้าใจกับธุรกิจนี้ เพื่อให้กระบวนการรีไซเคิลสมบูรณ์แบบมากขึ้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งภาพรวมคือการจัดระบบการกำจัดขยะของเมืองโดยการหาแนวทางร่วมกัน โดยกทม.จะดูแลในหน้าที่ความรับผิดชอบ เช่น การขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการร้านรับซื้อของเก่า การลงทะเบียนผู้ประกอบอาชีพขับซาเล้ง เป็นต้น เพื่อควบคุมคุณภาพในเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมเมืองที่เราอาจจะขาดการดูแลซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการลดขยะของเมือง" ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าว

นายพรพรหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาหลักในปัจจุบันคือขยะเปียกหรือเศษอาหารเมื่อรวมกับขยะแห้งแล้ว ทำให้การคัดแยกขยะทำได้ยาก ในปัจจุบันเราริเริ่มการแยกขยะเปียกและขยะแห้งเพื่อลดขั้นตอนในการแยกขยะไปรีไซเคิลแล้วใน 3 เขตต้นแบบ ได้แก่ เขตปทุมวัน เขตพญาไท และเขตหนองแขม ซึ่งจะเริ่ม Kick Off ในวันที่ 4 ก.ย.นี้ โดยจะเริ่มจากเส้นทางนำร่องในแต่ละเขตก่อน เช่น เส้นทางที่มีร้านอาหารมาก ลำดับต่อไปประมาณเดือน พ.ย.- ธ.ค. จะเก็บในลักษณะนี้ทั้งพื้นที่แขวง และประมาณต้นปีหน้าก็จะดำเนินการแบบนี้ทั้งพื้นที่เขต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนกรุงเทพฯ ให้คนกรุงเทพฯมั่นใจว่า เมื่อคัดแยกขยะจากบ้านแล้วเจ้าหน้าที่ กทม. จะไม่นำขยะไปเทรวมกันอีก ซึ่งรถขยะที่ไปเก็บขยะดังกล่าวจะมีที่เก็บสำหรับการคัดแยกขยะเปียกและขยะแห้งอย่างเป็นสัดส่วน

"การคัดแยกขยะเป็นเรื่องท้าทาย เพราะเราต้องเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่ต้นทางคือผู้บริโภค กลางทางคือการทำงานของเจ้าหน้าที่กทม. และปลายทางคือเราจะนำขยะเปียกไปทำอะไร กทม.จึงอยากสนับสนุนนโยบายถังหมักขยะราคาถูกเพื่อทำปุ๋ยหมัก ซึ่งเป็นมาตรการลดรายจ่าย ส่งเสริมรายได้ เนื่องจากสามารถนำปุ๋ยหมักมาปลูกผักรับประทานได้ด้วยตนเอง เป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารให้กับเมืองได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนให้ประชาชนคัดแยกขยะรีไซเคิลตามนโยบาย " ผู้ว่าฯ ชัชชาติกล่าวเสริม

ด้านนายกสมาคมซาเล้งฯ กล่าวว่า อยากเชิญชวนร้านรับซื้อของเก่าและรถซาเล้งที่เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ในแต่ละพื้นที่ ให้มาขึ้นทะเบียนกับกทม.และสำนักงานเขต รวมถึงอยากให้กทม.ส่งเสริมการจัดประกวดร้านรับซื้อของเก่า ที่มีการจัดวางร้านสวยงาม ไม่สกปรก มีที่จอดรถ มีการประดับตกแต่งร้านด้วยต้นไม้ รวมถึงไม่สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ชุมชน เป็นต้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพรับซื้อของเก่าให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกทม เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่สวยงามขึ้นและเป็นที่ยอมรับของคนกรุงเทพฯ รวมถึงการจัดโซน ในพื้นที่กรุงเทพฯให้เป็นย่านร้านรับซื้อของเก่า เพื่อเป็นจุดรับขยะจากรถซาเล้ง นอกจากนี้ยังอยากให้กทม.แก้ไขปัญหาเรื่องขยะกำพร้าที่ไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น ขวดน้ำดื่มบางยี่ห้อ ขวดนมบางยี่ห้อ ซึ่งจะกลายเป็นขยะที่อุดตันทางระบายน้ำในแม่น้ำลำคลอง โดยให้กทม.กำหนดจุดที่สามารถนำไปนำขยะกำพร้าเหล่านี้ไปทิ้งได้ เพื่อเป็นการรวบรวมให้กทม.นำไปสู่กระบวนการRDFหรือเผาทำลายต่อไป

"ความจริงเราควรมองว่าขยะคือทอง เนื่องจากสามารถนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้หากเรามีกระบวนการและการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งในปัจจุบันขยะของกทม.ยังใช้การฝังกลบเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเสียต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการขยะแพง หากเราสามารถ ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้และยังสามารถ สร้างรายได้ให้กับผู้อื่น ได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีต้องขอขอบคุณท่านนายกสมาคมฯ ที่พาทีมงานมาชี้แจงปัญหาต่างๆ ซึ่งกทม.จะนำปัญหาเหล่านี้เข้าสู่ระบบวงจรการดูแลบริหารจัดการขยะของกรุงเทพฯต่อไป " ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวขอบคุณ (ขอบคุณภาพและข่าวจากเพจ prbangkok.com)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น