พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาเศรษฐกิจระดับจุลภาคของประเทศ โดยเฉพาะค่าครองชีพประชาชน ซึ่งประชาชนยังมีรายได้น้อยอยู่ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องค่าครองชีพประชาชนและธุรกิจบางกลุ่มที่เปราะบาง ตลอดจนผู้มีรายได้น้อยซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลให้ความสำคัญโดยเร่งด่วนและการจะหามาตรการในการดูแลช่วยเหลือต่อไป
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ติดตามผลการดำเนินงานนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ ทั้งเรื่องนโยบายเร่งด่วน เช่น การลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 2 เดือน การจัดสรรที่ดินทำกินให้กับเกษตรกรมากกว่า 1 หมื่นราย การประกันภัยข้าวนาปี จำนวน 29 ล้านไร่ การส่งเสริมการลงทุนใน EEC ซึ่งขณะนี้มีผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้ว 183 โครงการ มูลค่าเกือบ 1 แสนล้านบาท
รวมทั้งยังมีนโยบายระยะยาว เช่น การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การริเริ่มโครงรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอร์รี่ นโยบายส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ อาทิ การผลิตทุเรียนนนท์ที่มีการเพิ่มพื้นที่ปลูกมากว่า 2 พันไร่ การก่อสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดชัยภูมิ เป็นต้น ทั้งนี้ผลการดำเนินงานต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลดังกล่าวมีความกว้าหน้าโดยลำดับเกิดผลเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายโครงการกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการซึ่งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะได้มีการลงพื้นที่ติดตามอย่างต่อเนื่องใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคและข้อติดขัดต่าง ๆ ให้โครงการสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมถึงการปรับแผนงานและโครงการให้เหมาะสมเกิดประโยชน์สูงสุดสอดคล้องกับการใช้จ่ายงบประมาณปี 2565 ด้วย



%20(%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%A2)%20%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%93%E0%B8%B7%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C.jpeg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น