เจ้าหน้าที่รัฐ เร่งกวาดล้างยาเสพติดไม่แผ่ว ด้านปลัด มท. ย้ำหากพบเห็นผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด ให้รีบแจ้งที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565

เจ้าหน้าที่รัฐ เร่งกวาดล้างยาเสพติดไม่แผ่ว ด้านปลัด มท. ย้ำหากพบเห็นผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด ให้รีบแจ้งที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567

เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของยาเสพติดในหลายพื้นที่ยังคงมีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ซึ่งฝ่ายปกครองเเละเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้ง ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้า ป.ป.ส. และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ขับเคลื่อนนโยบายการทำสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง ในวันนี้ได้รับรายงานผลการปฏิบัติจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศโดยมีกรณีที่น่าสนใจ ดังนี้

เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 65 ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้มอบหมายให้ นายหฤฑีฐ์ ศรีเอียด ป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันจับกุมนายชัยพฤกษ์ สุทธิวโรดม อายุ 36 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายข้าวต้มชื่อดังในตลาดสามชุก พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 808 เม็ด ขณะที่กำลังมาส่งให้กับสายลับที่ล่อซื้อบริเวณถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน ต.สามชุก จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนที่ว่าการอำเภอสามชุก จากการสอบสวนนายชัยพฤกษ์ฯ รับสารภาพว่า ตนรับมาจากผู้ค้ารายใหญ่ในตลาดสามชุก ซึ่งเป็นรุ่นน้องของตน และตนนำมาขายต่อ แต่วันนี้โชคไม่ดีเลยถูกจับ ขณะนี้ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเเละดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว

เมื่อวันนี้ 23 ต.ค. 65 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า นายสุเชาว์ ทูโมสิก นายอำเภอพนม และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับนายพีระ กาญจนพงษ์ ผอ.ป.ป.ส.ภ.8 พ.ต.อ.สุทธิ นิติอัครพงศ์ ผกก.สภ.พนม และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวนายพงค์สันต์ หรือแอ้ม สัมพันธ์ อายุ 36 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 4,576 เม็ด ไอซ์จำนวน 0.70 กรัม อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 11 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. จำนวน 7 นัด อาวุธปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 จำนวน 2 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 50 นัด โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง และอุปกรณ์การเสพ โดยได้รับการแจ้งเบาะเเสว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าว มีพฤติกรรมลักลอบขายยาเสพติดในพื้นที่ จึงได้วางแผนเข้าจับได้ที่บ้านของผู้ต้องหาพร้อมของกลาง จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ลักลอบขายยาเสพติดจริง โดยจะสั่งยาบ้ามาจากผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อมาขายให้ลูกค้าในพื้นที่อำเภอพนม และใกล้เคียง จนมาถูกจับกุมตัวดังกล่าว ขณะนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยกระทำโดยมีอาวุธปืนและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต ,มีไว้ในความครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขยายผลการจับกุมจากกรณีดังกล่าวต่อไป

วันที่ 23 ต.ค. 2565 ที่จังหวัดนนทบุรี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (ผบก.สปพ.) ได้สั่งการให้ ฉก.งานสายตรวจ 1, 2 กก.สายตรวจ และชุดปฏิบัติการพิเศษ สืบสวนขยายผล จับกุมผู้กระทำความผิดยาเสพติด และอาวุธปืน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายกิตติศักดิ์ พัดประไพ (แชมป์) อายุ 33 ปี นายจักรพงษ์ โทเสริฐ (แจ๊ค) อายุ 33 ปี และนายสายชล สว่างแจ้ง (เต๋า) อายุ 35 ปีพร้อมของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 162 กิโลกรัม ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) จำนวน 120 แท่ง วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 97 กิโลกรัม อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนลูกซองจำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ จำนวน 2 คัน ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้เป็นการขยายผลจากเครือข่ายยาเสพติด จนทราบว่านายกิตติศักดิ์ฯ และพวก มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด พร้อมทั้ง ตระเวนส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าบริเวณถนนกาญจนาภิเษก พื้นที่กรุงเทพมหานคร และนนทบุรี ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งสามคนรับสารภาพว่าได้เช่าบ้านไว้เป็นที่เก็บซุกซ่อนยาเสพติด แล้วไปรับยาเสพติดมาเก็บซุกซ่อนไว้ เพื่อทยอยลักลอบส่งยาเสพติดให้กับกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่กรุงเทพปริมณฑล เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุม และตรวจยึดยาเสพติดของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เมื่อช่วงเช้า วันที่ 24 ต.ค.65 นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พร้อมด้วยนายสุพจน์ ต่ออาจหาญ ปลัดจังหวัดระยอง นายสุนทร โภคา ป้องกันจังหวัดระยอง ร.ท.ภสุ ทิพย์จันทร์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัดระยอง ชุดปฏิบัติการพิเศษจังหวัดระยอง ชุดปฏิบัติการข่าว กร.รมน. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง และสมาชิก อส. ร่วมจับนายชาลี (น้ำ) อายุ 47 ปี นายวาทิต (กล้า) อายุ 32 ปี และนายศุภกร (แม็ค) อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 3,045 เม็ด ซึ่งจากการสอบสวนทราบว่า ผู้ค้ายาเสพติดได้นำของกลางไปซุกซ่อนในบริเวณซอยข้างเต้นรถมือสองถนนสาย 364 หมู่ 2 ต.ทับมา อ.เมือง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคีดตามกฎหมายแล้ว

วันที่ 24 ต.ค. 65 ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุด ฉก.ลาดหญ้า ภายใต้การกำกับของ พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 9 (พล.ร.9) ร่วมกันสนธิกำลังเฝ้าระวังป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายซึ่งได้รับการเเจ้งข้อมูลจากประชาชนในพื้นที่ว่าจะมีการนำพาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงสั่งการให้ พ.อ.ธัชเดช อาบัวรัตน์ รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ทำการสนธิกำลังกับ ชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการข่าวกรมทหารพรานที่ 14 ทำการลาดตระเวนหาข่าวพิสูจน์ทราบการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ที่ บริเวณ ถนนลูกรังไร่อ้อย พื้นที่ บ้านประตูด่าน ม.14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม นายนิสิต อาจคงหาญ หรือ “อาร์ม ลำทราย” อายุ 30 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 323 เม็ด และ รถจักรยานยนต์ 1 คัน จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาซื้อยาบ้ามาจากพ่อค้ายารายใหญ่ในพื้นที่บ้านเก่า เพื่อนำยาบ้าไปจำหน่ายให้วัยรุ่นในเขตพื้นที่ตำบลบ้านเก่า และจะนำยาบ้าไปแลกกับเห็ดโคนที่ชาวบ้านไปหามาจากป่าชายแดนไทย-เมียนมา จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันที่ 24 ต.ค. 65 ที่จังหวัดนครพนม นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอเมืองนครพนม โดยนายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอำเภอเมืองนครพนม ได้รับแจ้งเบาะแสจากพลเมืองดี ว่า นางนิ่ม (นามสมมติ) อายุ 42 ปี มีพฤติการณ์เสพและจำหน่ายยาเสพติด (ยาบ้า) ให้กับกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ ต.นาราชควาย และพื้นที่ใกล้เคียง จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว และทำการตรวจค้นพบ ยาบ้า จำนวน 1,040 เม็ด โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เดิมตนเป็นเพียงผู้เสพ ได้ซื้อยาบ้าจากผู้ค้ารายย่อย และนำทรัพย์สินในบ้านไปขาย จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ทำให้เริ่มลักขโมยสิ่งของในหมู่บ้าน จนได้รู้จักกับนางอ้อม และได้ชวนให้ขายยาเสพติด จึงได้เข้าร่วมขบวนการ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเยาวชน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันที่ 24 ต.ค.65 ที่จังหวัดหนองคาย พ.ต.อ.สกล สิทธิวิชัย รอง ผบก.ภ.จ.หนองคาย พร้อมด้วยตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้อง ร่วมกันจับกุม น.ส.ภาสินี อายุ 36 ปี ชาว อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลาง ยาเค 10 กิโลกรัม และยาอี 15,000 เม็ด โดยซุกซ่อนไว้ด้านท้ายรถยนต์โตโยต้า อแวนซ่า สีดำซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจุดด่านตรวจหนองสองห้อง ได้ตั้งด่านตรวจการกระทำผิดกฎหมายตามปกติ บริเวณถนนมิตรภาพหนองคาย-อุดรธานี โดยพบว่ามีรถยนต์เก๋งสีดำ เลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้จุดที่ตำรวจตั้งด่านตรวจ ตำรวจประจำด่านตรวจหนองสองห้องจึงเข้าไปตรวจสอบ พบ น.ส.ภาสินีฯ นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ จากการสวบสวนทราบว่า แฟนหนุ่มเป็นคนขับรถ และจอดเข้าห้องน้ำในปั๊ม และแฟนหนุ่มได้หลบหนีไปแล้วก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง ซึ่งให้การสารภาพว่า ภายในรถมียาเสพติด นอกจากนี้ น.ส.ภาสินีฯ ให้การรับสารภาพว่า มีคนติดต่อให้แฟนหนุ่มมาขนยาเสพติดที่ จ.หนองคาย โดยจะมีรถยนต์เตรียมไว้ให้ โดยตนไม่ทราบพิกัดแน่ชัด เมื่อได้ยาเสพติดแล้วจึงมุ่งหน้ากลับเข้า กทม. ซึ่งได้ทำการลักษณะเช่นนี้ เป็นครั้งที่ 4 แล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครอง และจะได้ติดตามตัวผู้หลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"กระทรวงมหาดไทยมีความตั้งใจและมีความมุ่งมั่นในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยตกเป็นเหยื่อจากภัยยาเสพติด หากพบเห็นการกระทำผิดขอให้รีบแจ้งเบาะเเสให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ทราบทันที หรือ แจ้งผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้าย

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น