โฆษกรบ.เผย “นายกฯ” ฝากผู้ประกอบการภาคขนส่งเข้าใจ ให้ความร่วมมือ กรณียกเลิกตรึงราคาน้ำมัน Diesel - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565

โฆษกรบ.เผย “นายกฯ” ฝากผู้ประกอบการภาคขนส่งเข้าใจ ให้ความร่วมมือ กรณียกเลิกตรึงราคาน้ำมัน Diesel


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มสมาพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนแนวทางปฏิบัติการแก้ไขปัญหาน้ำมันดีเซล เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 65 ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการให้ความช่วยเหลือ โดยนายกรัฐมนตรียืนยันมีความห่วงใยประชาชนทุกภาคส่วน ที่จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งต้องขอให้ผู้ประกอบการภาคขนส่งเข้าใจรัฐบาลด้วยว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดูแลตรึงราคาน้ำมันดีเซลมาระยะหนึ่งแล้ว โดยได้ใช้เงินกองทุนพลังงานจำนวนหลายหมื่นล้านบาทจนหมด และถึงแม้ได้กู้เงินมาเสริมก็หมดลงไปแล้วเช่นกัน ดังนั้น ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน ซึ่งรัฐบาลพร้อมที่จะดูแลทุกภาคส่วนให้ดีที่สุด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่าการแก้ไขปัญหาวิกฤติราคาพลังงานในขณะนี้ รัฐบาลจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพที่สุด โดยที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการดูแลราคาน้ำมันผ่านกองทุนน้ำมัน รวมทั้งปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่เป็นต้นทุนสำคัญของสินค้าและบริการในประเทศ ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค. 65 ภาครัฐจะเริ่มลดการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลลง โดยจะอุดหนุนที่ 50% และจะมีการปรับราคาเป็นขั้นบันไดไปจนถึงเพดานที่กำหนด โดยในวันที่ 1 พ.ค. 65 จะมีการปรับราคาไปที่ 32 บาท/ลิตร 

โดยขณะนี้หากไม่มีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ประมาณลิตรละ 40 บาท และเพดานการปรับราคา ณ ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 35 บาท/ลิตร ซึ่งกระทรวงพลังงานและคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กำลังเร่งจัดทำแนวทางลดผลกระทบให้กับประชาชน นอกจากนี้ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เร่งทำแผนรองรับมาตรการพยุงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้กระทบแล้ว

“ด้านกระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 65 ลดลงจาก 4% ต่อปี เหลือขยายตัวที่ 3.5% ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังกระทบให้ราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น 

โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 65 จะอยู่ที่ 5% ต่อปี หรือในช่วงคาดการณ์ที่ 4.5-5.5% ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้ส่งกระทบทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทย เมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียคลี่คลาย แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกก็จะลดลง ขณะที่กองทุนน้ำมันซึ่งเป็นกองทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก็ยังมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องของกองทุน อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ของโลก ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพของประชาชน ราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการที่ราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากสภาวะสงครามเป็นสำคัญ โดยรัฐบาลได้มีมาตรการที่จะช่วยลดต้นทุนตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อผู้มีรายได้น้อย ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วน โดยจะพยายามเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด” นายธนกร กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad