ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 สายพันธุ์โอไมครอน ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก และในระลอกเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของเด็กที่เสียชีวิตจากโควิด19 เป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งกลุ่มนี้ยังไม่มีวัคซีนฉีด จึงขอให้ผู้ปกครองฉีดวัคซีนเพื่อลดการนำเชื้อสู่ลูกหลาน ขณะที่ รัฐบาลได้จัดระบบดูแลผู้ป่วยเด็กเล็กไว้พร้อมแล้ว รวมถึงเตรียมการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้กับเด็กระดับมัธยม ช่วงอายุ 12-17 ปี ผ่านระบบสถานศึกษาเริ่มพฤษภาคม และสถานพยาบาลเริ่มได้ทันที
นางสาวรัชดา กล่าวต่อถึงการป้องกันดูแลกลุ่มเด็ก ดังนี
1.เด็กเล็ก 0-5 ปี ที่ติดเชื้อและมีโรคอื่นร่วม กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบพร้อมให้การรักษาที่โรงพยาบาล ทุกเขตสุขภาพเตรียมความพร้อมเรื่องเตียง บุคลากร และระบบส่งตัวเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยเด็กที่มีอาการรุนแรง
2.เร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มอายุ 5-11 ปี ผ่านระบบสถานศึกษา
3.ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่ม 12-17ปี ซึ่งคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค แนะนำให้เด็กกลุ่มนี้ที่ได้รับวัคซีน 2 เข็ม เข้ารับวัคซีน Pfizer เข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 ขนาดโดสปกติ หรือ ครึ่งโดส มีระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 4-6 เดือน ขึ้นไป โดยให้เป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก
กระทรวงสาธารณสุขได้จัดการให้บริการ คือ 1) การฉีดผ่านสถานศึกษา จะฉีดให้ในปริมาณครึ่งโดส เริ่มดำเนินการวันที่ 9 พ.ค.เป็นต้นไป และหากมีความประสงค์ต้องการฉีดเพิ่มอีกครึ่งโดส สามารถรับการฉีดได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน 2) การฉีดผ่านสถานพยาบาล เด็กที่ประสงค์ฉีด เมื่อครบกำหนดรับเข็มกระตุ้น สามารถติดต่อขอรับบริการที่สถานพยาบาลใกล้บ้านได้ทันที จะเป็นวัคซีนไฟเซอร์ปริมาณครึ่งโดสหรือเต็มโดสก็ได้




%20(%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%8B%E0%B8%A2)%20%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%93%E0%B8%B7%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C.jpeg)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น