“กรุงเทพมหานครโปร่งใส” ปักหมุดหมาย กทม.เป็น Open Government ที่สากลยอมรับ - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“กรุงเทพมหานครโปร่งใส” ปักหมุดหมาย กทม.เป็น Open Government ที่สากลยอมรับ

กรุงเทพมหานครมุ่งเน้นในการขับเคลื่อนนโยบายด้านความโปร่งใสและการต่อต้านการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายนโยบาย โครงการ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในวันนี้ (24 ก.พ. 66) จึงได้จัดงานแถลงข่าว “กรุงเทพมหานครโปร่งใส” ขึ้น เพื่อรายงานความคืบหน้าและยืนยันแนวทางการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ได้แก่ นโยบายโปร่งใส ไม่ส่วย นโยบายลดเสี่ยงโกง ผ่านความร่วมมือภาคีเครือข่ายประชาชน รวมถึงนโยบายเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ครอบคลุมทั้งของ กทม. และกรุงเทพธนาคม ให้ประชาชนได้ทราบ


โดยมีผู้ร่วมแถลงข่าวได้แก่ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร นางสาวบุญญรัตน์ กิตติวรวุฒิ ผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนางสาว Bernadine Fernz (Head of Sustainability, Head of Infrastructure, Head of Asia Pacific) ผู้แทนจาก Open Contracting Partnership (OCP)

● กางข้อมูลความคืบหน้าการดำเนินการต้านทุจริตของกทม.

รองปลัดฯ เฉลิมพล กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่านโยบายด้านการต่อต้านการทุจริตเป็นสิ่งที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมุ่งมั่นดำเนินการมาตั้งแต่ต้น ซึ่งกรุงเทพมหานครก็ได้สนองตอบนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ประกาศเจตนารมณ์ “ไม่เฉย ไม่ทำ ไม่ทน” เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 65 เพื่อกระตุ้นจิตสํานึกให้ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ข้าราชการกรุงเทพมหานคร บุคลากรกรุงเทพมหานคร และผู้ปฏิบัติงานอื่นในกรุงเทพมหานคร ไม่เฉย ไม่ทำ และไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ

จากนั้นได้มีการหารือเพิ่มเติมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการและผลักดันให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้ 1. นำระบบราชการที่เกี่ยวข้องกับประชาชนขึ้นสู่ระบบออนไลน์และพัฒนาระบบติดตามการขออนุญาตกับกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนยื่นคำขอ รับเอกสาร และจ่ายเงินได้สะดวก ติดตามสถานะได้ผ่านเว็บไซต์ https://eservice.bangkok.go.th 2. ประกาศนโยบายไม่รับของขวัญและของกำนัลจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือ No Gift Policy เพื่อให้ปฏิบัติงานอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการปฏิบัติหน้าที่ 3. ผลักดันการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของกรุงเทพมหานครผ่านเว็บไซต์ของกรุงเทพมหานครเองและแพลตฟอร์มของภาคีเครือข่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับปรุงและนำเข้าข้อมูล 4. กำหนดให้ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เข้าเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย Thai Private Sector Collective Action Against Corruption หรือ CAC และ 5. ประกาศแนวทางการจัดซื้อจัดหาและส่งเสริมการขายยาและเวชภัณฑ์ของสำนักการแพทย์และสำนักอนามัยไม่ให้มีค่าคอมมิชชัน โดยประกาศให้หน่วยงานทราบและถือปฏิบัติมาตั้งแต่เดือน ส.ค. 65

* จัดตั้ง 2 ศูนย์ต่อต้านทุจริต

รองปลัดฯ เฉลิมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า อีกกิจกรรมที่กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการคือ การจัดตั้ง 2 ศูนย์ต่อต้านการทุจริตในองค์กร ได้แก่ 1. ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกรุงเทพมหานคร (ศปท.กทม.) โดยมีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ เพื่อเป็นหน่วยกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการต่อต้านทุจริตและประพฤติมิชอบ ป้องกันการทุจริตเชิงรุกด้วยการลงพื้นที่หรือมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงต่อการทุจริต เพื่อลดความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดการทุจริตในหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร และ 2. ศูนย์ปฏิบัติการติดตามการต่อต้านทุจริตของกรุงเทพมหานคร (ศตท.กทม.) โดยมีรองปลัดกรุงเทพมหานคร (นายเฉลิมพล โชตินุชิต) สั่งราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการในการขับเคลื่อนการดำเนินการลงพื้นที่ในเรื่องพิเศษ (เฉพาะกิจ) ในการสอบสวนจับกุม ตลอดจนวางแผนจับกุม โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจากการดำเนินการประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มอบอำนาจให้รองปลัดกทม.สั่งราชการสำนักงาน ก.ก. แต่งตั้งหัวหน้าสำนักงาน ก.ก. หรือผู้แทน ผู้ตรวจราชการกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและ/หรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เป็นคณะทำงาน หรือกำหนดพื้นที่หรือภารกิจในการตรวจสอบเชิงรุก และตรวจสอบเรื่องร้องเรียนได้โดยตรง พร้อมมอบหมายประธานกลุ่มการปฏิบัติงานของสำนักงานเขตแจ้งผู้อำนวยการเขตทุกเขตให้กำชับหน่วยงานและสถานศึกษาในพื้นที่ทราบและเตรียมความพร้อมในเรื่องของข้อมูล/เอกสาร สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบ



ทั้งนี้ ศตท.กทม. ได้มีการตั้งคณะทำงานหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการจัดซื้อจัดจ้างของโรงเรียนและภารกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา 2. ด้านงานโยธา เช่น ใบอนุญาตอาคาร และ 3. ด้านงานเทศกิจ ซึ่งคณะทำงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ จำนวน 4 ครั้ง และได้ขอข้อมูลเบื้องต้นกับผู้แจ้งเบาะแสทางโทรศัพท์ และมีการนัดหมายเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์ ตลอดจนให้ผู้แจ้งเบาะแสมาให้ข้อมูลต่อคณะทำงาน รวมถึงได้มีการประชุมหารือนอกรอบกับสำนักงาน ป.ป.ช. ผ่านทาง ZOOM เพื่อเตรียมการและบูรณาการความร่วมมือในการลงพื้นที่ ร่วมกันเชิงรุก โดยได้หารือมาตรการป้องกันมิให้ผู้แจ้งเบาะแสต้องกังวลเรื่องความลับรั่วไหล พร้อมประสานกับผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นางสาวศนิ จิวจินดา) ในการติดตั้งเชื่อมระบบการร้องเรียนการทุจริตกับ Traffy Fondue

อีกทั้งได้หารือร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. โดยมีประเด็นสำคัญคือ ให้ ศตท.กทม.จัดทำแผนการตรวจสอบลงพื้นที่ เพื่อสำนักงาน ป.ป.ช. ได้จัดเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจให้ตรงวัตถุประสงค์ มีการปรับปรุงในประเด็นการรักษาความลับของผู้แจ้งเบาะแสใน Traffy Fondue ในส่วนของการจับการกระทำผิดซึ่งหน้า สำนักงาน ป.ป.ช.จะแจ้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ จับกุม และร่วมแถลงข่าว กรณีมีเรียกรับเงิน สามารถนัดผู้แจ้งให้พบกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้โดยตรง หรือรวบรวมส่งเรื่องเท่าที่มีให้สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่หาข่าวในพื้นที่เป้าหมายได้ นอกจากนี้ได้มีการประชุมบูรณาการร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ท. และได้มีการประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (นางสาวศนิ จิวจินดา) และ ดร.วสันต์ ภัทรอธิคม เกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Traffy fondue กับสำนักงาน ป.ป.ช. ในการส่งต่อเรื่องทุจริตด้วย

* ร้องเรียนการทุจริตทาง Traffy fondue ได้แล้ว

รองปลัดฯ เฉลิมพล กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้เชื่อมระบบการร้องเรียนการทุจริตกับ Traffy Fondue ประชาชนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตผ่านหมวด “กรุงเทพฯ โปร่งใส” มาให้ ศตท.กทม. โดยตรง ซึ่งจะเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบต่อไป โดยระบบจะมีการรักษาความลับของผู้แจ้งเบาะแส ไม่ปรากฏข้อมูลบนหน้าแดชบอร์ดรวมปัญหาเส้นเลือดฝอยเหมือนการร้องเรียนในหมวดอื่น ๆ ทั้งนี้ ได้มีการเชื่อมโยงระบบของ ศตท.กทม. กับสำนักงาน ป.ป.ช. แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีการร้องเรียนผ่านระบบ Traffy Fondue จำนวน 11 เรื่อง ซึ่ง ศตท.กทม. กำลังดำเนินการ 5 เรื่อง เสร็จสิ้น 2 เรื่อง และส่งต่อ 4 เรื่อง

* 28 คู่สัญญาเข้าร่วมกิจกรรมการประเมิน ITAGC ปี 66

“นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังร่วมกับ ป.ป.ช. ในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITAGC โดยสํานักงาน ป.ป.ช. ได้ประสานขอความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร ประสานให้หน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นคู่ค้าคู่สัญญากับสำนักการโยธา สำนักการระบายน้ำ และสำนักสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 28 คู่สัญญา เข้าร่วมกิจกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดําเนินงานของหน่วยงานภาคเอกชนที่เป็นคู่ค้าคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นอีก 1 ก้าว ในเรื่องของความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตที่กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการมา ซึ่งจะยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นและจริงจังต่อไป” รองปลัดฯ เฉลิมพล กล่าวทิ้งท้าย

● สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยร่วมมือกับกทม. ผ่านโครงการ Open Bangkok

นอกจากโครงการต่อต้านการทุจริตข้างต้น กรุงเทพมหานคร โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของกรุงเทพมหานคร ยังได้ผลักดันโครงการ Open Bangkok ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบ และพัฒนาการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครร่วมกัน ซึ่งดำเนินการใน 5 มิติ ได้แก่ Open Data: เปิดข้อมูลเป็นสาธารณะ Open Contracting: จัดซื้อจัดจ้างโปร่งใส Open Policy: ร่วมติดตามและพัฒนานโยบาย Open Innovation: สร้างสรรค์นวัตกรรมแก้ปัญหาเมือง และ Open Service: ยกระดับบริการและเปิดพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยได้เห็นศักยภาพของโครงการดังกล่าวว่าน่าพัฒนาให้เป็นเมืองต้นแบบของไทย จึงได้เข้ามาร่วมงานกับกรุงเทพมหานครอย่างใกล้ชิด ช่วยสนับสนุนด้าน Open Data และ Open Contracting ให้ได้มาตรฐานสากล

โอกาสนี้ นางสาวบุญญรัตน์ กิตติวรวุฒิ ได้กล่าวว่า ทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรได้มีความร่วมมือกับหลายประเทศทั่วโลกในเรื่องของการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในเรื่องของการพัฒนาเมืองก็เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะประชากรเกินครึ่งทั่วโลกอาศัยอยู่ในเขตเมือง ซึ่งก็จะมีปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ ที่คิดว่าเราต้องร่วมมือกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน โดยที่ผ่านมาทางสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มีความร่วมมือกับทางกทม.มายาวนาน ทั้งโครงการ Global Future City ที่ทำงานกันมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งเป็นการร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการบริหารจัดการเมืองให้พร้อมรับกับความท้าทายต่าง ๆ ในอนาคต อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น

ส่วนในเรื่องของโครงการด้านความโปร่งใสที่วันนี้เรามาคุยกันก็เป็นเรื่องที่ทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะรัฐบาลที่ดีและการให้บริการสาธารณะที่ดีนั้นควรจะมีความโปร่งใสและให้ประชาชนตรวจสอบได้ สำหรับเร็ว ๆ นี้ เราก็จะมีโครงการที่ทำกับทางกรุงเทพมหานคร คือ เรื่องการใช้ Open Data การทำข้อมูลเปิดมาเพื่อช่วยในการให้บริการสาธารณะ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความโปร่งใส โดยการนำข้อมูลมาเปิดให้เป็นข้อมูลสาธารณะนี้จะช่วยในการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้พัฒนาการบริการสาธารณะให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุดต่อไป โดยเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับกรุงเทพมหานคร และ Open Contracting Partnership หรือ OCP ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรระดับโลก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น