โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี EEC ขยายความร่วมมือผู้นำภาคเอกชนต่างประเทศ ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2565

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี EEC ขยายความร่วมมือผู้นำภาคเอกชนต่างประเทศ ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี EEC ขยายความร่วมมือผู้นำภาคเอกชนต่างประเทศ ยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งสู่อุตสาหกรรมอัจฉริยะ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนอย่างยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.65 ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีกับความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กับภาคเอกชนชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อร่วมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนชั้นนำต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด ผู้นำเอกชนจากสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ กระชับความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในพื้นที่ EEC ด้านการแพทย์ และการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสู่นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

โดยผู้นำเอกชนสวิตเซอร์แลนด์ บริษัท เอบีบี ออโตเมชั่น จํากัด (ประเทศไทย) บริษัท เอบีบี อิเล็คทริฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (ABB) บริษัท โรช ไทยแลนด์ (Roche) และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลจากความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล 5G ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างมีศักยภาพมากขึ้น

ด้านภาคเอกชนเกาหลีใต้ บริษัท Korea Land and Housing Corporation ได้ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (Smart Industrial Estate) ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการเกิดของเสีย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่ารัฐบาลได้วางโครงสร้างพื้นฐาน และความพร้อมไว้ให้กับ EEC ทั้งทางสถานที่ และข้อกำหนด เพื่อรองรับความร่วมมือด้านการค้า การลงทุนที่จะเกิดขึ้น ความร่วมมือที่ผ่านมาเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดความสัมพันธ์ และเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญในการขยายช่องทางดึงดูดนักลงทุนชั้นนำจากต่างประเทศให้ร่วมลงทุนในพื้นที่ EEC มากขึ้น ซึ่งไทยยินดีที่จะสนับสนุน ความร่วมมือ และการค้าการลงทุนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ เพื่อต่อยอดความรู้ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษาวิจัยและการพัฒนาความรู้ด้านนวัตกรรม ร่วมกันพัฒนาคน พัฒนาเทคโนโลยี หวังวางรากฐานด้านสาธารณูปโภคและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนในอนาคตอย่างยั่งยืน” นายธนกรฯ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น