เมื่อวันที่ 19 ก.ค.65 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เปิดตัวแคมเปญระดับโลกครั้งใหม่ เพื่อเผชิญหน้ากับความพยายามของรัฐที่ขยายตัวและเข้มข้นมากขึ้นในการบั่นทอนสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชน อันได้แก่สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และยังขยายตัวไปในทั่วทุกภูมิภาคของโลก
จากรัสเซียถึงศรีลังกา ฝรั่งเศสถึงเซเนกัล และอิหร่านถึงนิการากัว ทางการในประเทศต่างๆ ได้ใช้มาตรการเพิ่มขึ้นเพื่อปราบปรามการรวมตัวแสดงความเห็นต่าง ผู้ชุมนุมทั่วโลกกำลังเผชิญกับมาตรการกดดันครั้งสำคัญในหลายรูปแบบ ทั้งการประกาศใช้กฎหมายและมาตรการที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำกัดสิทธิในเสรีภาพการชุมนุม การใช้กำลังโดยมิชอบ การเพิ่มการสอดแนมข้อมูลอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมายในวงกว้างและเป็นรายบุคคล การสั่งปิดอินเตอร์เน็ต การเซ็นเซอร์ออนไลน์ การถูกข่มเหง และการถูกตีตรา ในเวลาเดียวกันกลุ่มคนที่อยู่ชายขอบและถูกเลือกปฏิบัติต้องเผชิญกับอุปสรรคที่เพิ่มขึ้น
แคมเปญ “Protect the Protest” (ปกป้องสิทธิในเสรีภาพการชุมนุม) ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นการท้าทายต่อการโจมตีการชุมนุมโดยสงบ เป็นการยืนหยัดเพื่อคนที่ตกเป็นเป้าหมาย และสนับสนุนเจตจำนงในการต่อสู้ของขบวนการเพื่อสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสิทธิมนุษยชน
ดร.แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการรวมตัวชุมนุมครั้งใหญ่สุดในรอบหลายทศวรรษ ขบวนการแบล็คไลฟ์แม็ทเทอร์ (Black Lives Matter) มีทู (Me Too) และขบวนการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นแรงบันดาลใจให้ประชาชนหลายล้านคนทั่วโลก ออกมาชุมนุมประท้วงบนท้องถนนและทางออนไลน์ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมด้านเชื้อชาติและสภาพภูมิอากาศ ความเท่าเทียมและการหาเลี้ยงชีพ การยุติความรุนแรงและการเลือกปฏิบัติทางเพศสภาพ ในที่อื่นๆ ประชาชนได้รวมตัวหลายพันคนต่อต้านความรุนแรงและการสังหารโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ การปราบปรามและการกดขี่ของรัฐ
“โดยแทบไม่มีข้อยกเว้น คลื่นมหาชนของผู้ชุมนุมเหล่านี้ ต้องเผชิญกับการตอบโต้ที่มุ่งขัดขวาง ปราบปราม และมักใช้ความรุนแรงของทางการ แทนที่จะสนับสนุนการใช้สิทธิในการชุมนุม รัฐบาลได้พยายามมากขึ้นที่จะปราบปรามพวกเขา ซึ่งเป็นเหตุให้พวกเราในฐานะองค์กรสิทธิมนุษยชนใหญ่สุดของโลก ได้เลือกใช้ขบวนการนี้เพื่อเปิดตัวการรณรงค์ครั้งนี้ ถึงเวลาที่จะต้องลุกฮือขึ้น และประกาศด้วยเสียงดังต่อผู้มีอำนาจ เพื่อให้ทราบว่าเรามีสิทธิในการชุมนุมประท้วงที่ไม่อาจพรากไปได้ เพื่อแสดงออกถึงความทุกข์ยาก และเพื่อเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงอย่างเสรี จากการรวมตัวและอย่างเปิดเผย”
กฎหมายจำกัดสิทธิ คำสั่งห้ามแบบเหมารวม และอำนาจในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ปัญหานานัปการ ทั้งวิกฤตสิ่งแวดล้อม ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มขึ้นและภัยคุกคามต่อการดำรงชีพ การเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ และความรุนแรงบนฐานเพศสภาวะ ต่างทำให้การรวมตัวของมวลชนเป็นเรื่องจำเป็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน รัฐบาลตอบโต้ด้วยการประกาศใช้กฎหมาย เพื่อใช้อำนาจควบคุมจำกัดสิทธิในการชุมนุมประท้วง ยกตัวอย่างเช่น เราต้องเผชิญกับคำสั่งห้ามการชุมนุมแบบเหมารวม อย่างในกรณีของกรีซและไซปรัส ในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร มีการประกาศใช้ กฎหมายใหม่ ซึ่งให้อำนาจอย่างกว้างขวางกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งการสั่งห้ามการประท้วงที่ส่งเสียงดัง ส่วนใน เซเนกัล ทางการสั่งห้ามการเดินขบวนทางการเมืองที่ใจกลางเมืองดาการ์ ตั้งแต่ปี 2554 ทำให้ไม่มีการประท้วงใกล้กับอาคารที่ทำการของรัฐบาล
รัฐบาลในทุกประเภทยังอ้างสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเพิ่มการใช้อำนาจในการปราบปรามผู้เห็นต่าง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย ส่วนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก การประกาศ ‘สถานการณ์ควบคุมพิเศษ’ ของรัฐบาล ให้อำนาจอย่างกว้างขวางกับเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ เพื่อสั่งห้ามการประท้วงในจังหวัดอีทูรีและคีวูเหนือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564
การใส่ร้ายผู้ชุมนุม
รัฐบาลทั่วโลกต่างหาเหตุผลมาสนับสนุนการจำกัดสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยอ้างว่าเป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อย โดยการตีตราผู้ชุมนุม ใส่ร้ายพวกเขาว่าเป็น “ผู้สร้างปัญหา” “ผู้ก่อจลาจล” หรือแม้แต่ “ผู้ก่อการร้าย” การกล่าวหาผู้ชุมนุมเช่นนี้ ทำให้ทางการมีเหตุผลมาสนับสนุนการใช้แนวทางที่เข้มงวดอย่างสุดโต่ง อันนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงที่มีเนื้อหาคลุมเครือและมีบทลงโทษที่รุนแรง และเป็นการใช้กฎหมายอย่างมิชอบ มีการใช้มาตรการควบคุมการชุมนุมอย่างเข้มงวด และการใช้มาตรการเพื่อป้องกันการประท้วงในรูปแบบต่าง ๆ
เราได้เห็นแนวปฏิบัติเช่นนี้ในฮ่องกง มีการใช้อำนาจโดยพลการตาม กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ และคำนิยามของ “ความมั่นคงแห่งชาติ” ที่มีเนื้อหาอันกว้างขวาง เป็นเหตุผลให้นำมาใช้เพื่อจำกัดการชุมนุม และอื่น ๆ
ในอินเดีย กฎหมายป้องกัน (การดำเนินงาน) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (UAPA) และความผิดฐาน “ยุยงปลุกปั่น” ได้ถูกใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเอาผิดกับผู้ชุมนุมโดยสงบ นักข่าว และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
การใช้อุปกรณ์และยุทธวิธีทางทหารเพื่อควบคุมฝูงชน
แม้รัฐบาลจะใช้ยุทธวิธีที่ก้าวร้าวมาอย่างยาวนานเพื่อควบคุมการชุมนุม แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กองกำลังความมั่นคงได้เพิ่มการใช้กำลังมากขึ้น
สิ่งที่เรียกว่าอาวุธที่ไม่รุนแรงถึงชีวิต (less lethal weapons) รวมทั้งไม้กระบอง สเปรย์พริก แก๊สน้ำตา ระเบิดแสง ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง ได้ถูกเจ้าหน้าที่นำมาใช้อย่างมิชอบอย่างสม่ำเสมอ และตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกข้อมูลแนวโน้มที่มุ่งสู่การเพิ่มกำลังทหารในการรับมือกาชุมนุม รวมทั้งการใช้กำลังทหารและอุปกรณ์ของทหาร ในประเทศต่างๆ อย่าง ชิลี และ ฝรั่งเศส กองกำลังความมั่นคงในชุดปราบจลาจลเต็มรูปแบบ มักปฏิบัติงานโดยใช้รถหุ้มเกราะ เครื่องบินแบบที่ใช้ทางการทหาร โดรนเพื่อสอดแนมข้อมูล ปืนและอาวุธที่ทำลายล้างอย่างอื่น ระเบิดแสงและปืนใหญ่คลื่นเสียง
ใน เมียนมา ระหว่างการชุมนุมภายหลังจากการทำรัฐประหารปี 2564 กองทัพได้ใช้กำลังที่ทำให้อันตรายถึงชีวิตโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อผู้ชุมนุมโดยสงบ ส่งผลให้มีประชาชนกว่า 2,000 คนเสียชีวิต และมีผู้ถูกจับกุมกว่า 14,000 คนนับแต่กองทัพยึดอำนาจ
ความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติ
ประชาชนที่เผชิญกับความไม่เท่าเทียมและการเลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากเรื่องเชื้อชาติ เพศสภาพ รสนิยมทางเพศ อัตลักษณ์ทางเพศ ศาสนา อายุ ความพิการ อาชีพ สถานะทางสังคม เศรษฐกิจ หรือการเข้าเมือง ยังได้รับผลกระทบมากขึ้น จากการจำกัดสิทธิในการชุมนุมประท้วง และต้องเผชิญกับการปราบปรามที่รุนแรงขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิง ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และผู้ที่มีความแตกต่างจากบรรทัดฐานทางเพศของสังคม (GenderNon-Conforming) ต่างต้องเผชิญกับความรุนแรงบนฐานเพศสภาวะ ถูกผลักให้อยู่ชายขอบ ต้องเผชิญกับบรรทัดฐานทางสังคมและกฎหมาย ในประเทศต่าง ๆ รวมทั้ง ซูดาน โคลอมเบีย และ เบลารุส ผู้หญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศจากการเข้าร่วมชุมนุมประท้วง ส่วนใน ตุรกี ทางการได้สั่งห้ามการเดินขบวนไพรด์มาหลายปีแล้ว
ดร.แอกเนส คาลามาร์ด ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้อีกว่า การรณรงค์ของเราเกิดขึ้นในจังหวะที่มีความวิกฤตอย่างยิ่ง สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมอันทรงคุณค่ากำลังถูกบั่นทอนลงอย่างรวดเร็ว และเราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขืนแนวทางนี้ให้ได้
“ผู้ชุมนุมจำนวนมากถูกสังหารในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราต้องทำงานเพื่อพวกเขา และต้องส่งเสียงเพื่อปกป้องสิทธิของเราในการพูดความจริงต่อผู้มีอำนาจ ผ่านการชุมนุมประท้วงบนท้องถนนและทางออนไลน์”
ข้อมูลพื้นฐาน
เอกสารสรุป “ปกป้องการชุมนุม!: เหตุใดเราจึงต้องรักษาสิทธิในเสรีภาพการชุมนุม” สามารถอ่านได้จากที่นี่
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศคุ้มครองสิทธิในการชุมนุม โดยมีข้อบทหลายประการที่เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหาของสนธิสัญญาระหว่างประเทศและภูมิภาค ซึ่งหากนำข้อบทเหล่านี้มาพิจารณารวมกัน จะให้ความคุ้มครองอย่างเป็นองค์รวมต่อการชุมนุม แม้ว่าสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมจะไม่ได้ถูกกำหนดเป็นสิทธิแยกต่างหากในสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนก็ตาม แต่เวลาที่ผู้คนเข้าร่วมในการชุมนุมทั้งในนามบุคคลหรือในนามกลุ่ม พวกเขากำลังใช้สิทธิต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบด้วย
https://www.blogger.com/blog/page/edit/163607023169952299/4565312937486509077?hl=th#
วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Home
การเมือง
สังคม
Amnesty เปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Protect the Protest” เพื่อปกป้องสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมที่กำลังถูกคุกคามทั่วโลก
Amnesty เปิดตัวแคมเปญระดับโลก “Protect the Protest” เพื่อปกป้องสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมที่กำลังถูกคุกคามทั่วโลก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น