นายกฯ ประชุม ศบค. กำชับสธ. ติดตามอาการผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรง-การกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 สั่ง ศธ. เน้นแผนเผชิญเหตุ ป้องกันการแพร่ระบาดในโรงเรียน พร้อมให้ มท. เฝ้าระวังจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดนที่ไม่มีจุดควบคุมโรคกำกับ
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 10/2565 กำชับ ให้ สธ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามอาการผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง-การกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เตรียมความพร้อมเตียง แพทย์ ยา เวชภัณฑ์ ให้รายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน/ยา เป็นระยะ พร้อมเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ต่อไปอีก 2 เดือน เป็นคราวที่ 19 ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) รายงานผลการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดในช่วงที่ผ่านมา ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.4 และ BA.5 ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการติดตามการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของโควิด-19 เนื่องจากหลายประเทศได้ผ่อนคลายมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมโรค ซึ่งอาจทำให้การติดตามสายพันธุ์ใหม่ยากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการรุนแรงและการเสียชีวิต หากติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกในขณะนี้ มีสัดส่วนของโอมิครอนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป และสหรัฐอเมริกา และกำลังแทนที่สายพันธุ์เดิม ถึงแม้จะยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 แพร่เร็วและรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 แต่การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้ ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อมากขึ้น จากการมีมาตรการผ่อนคลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จึงอาจพบการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยพบผู้ติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อยและรักษาตัวที่บ้านเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นไม่มาก จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามอาการของผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง การสุ่มตรวจ และติดตามการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และกำหนดมาตรการต่าง ๆ ต่อไป และในช่วงนี้ที่มีการระบาดเพิ่มขึ้นในไทย ขอให้ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมของเตียง แพทย์ ยา และเวชภัณฑ์ รวมทั้งการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้อ จำนวนผู้ได้รับวัคซีน ประสิทธิภาพของวัคซีนและภูมิคุ้มกัน อาการความรุนแรงของโรค และการตอบสนองต่อยารักษา รวมทั้งขอให้รายงานความคืบหน้าเรื่องการพัฒนาวัคซีนและยาให้ทราบเป็นระยะด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการปรับโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ต้องพิจารณาตามสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ศบค. ได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเศรษฐกิจได้เดินหน้าต่อ โดยประชาชนต้องเตรียมพร้อม และอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย สิ่งที่สำคัญคือการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ปิด สถานที่แออัด รถขนส่งสาธารณะ แม้กระทั่งเครื่องบิน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และการไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งจะช่วยลดและป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตลงได้
สำหรับมติ ศบค. ที่สำคัญ ได้แก่ รับทราบแนวคิดของกระทรวงสาธารณสุขในการรับมือการระบาดและเปลี่ยนผ่านสู่การบริหารจัดการหลังการระบาด (Post-pandemic) ซึ่งมีแผน/มาตรการการบริหารจัดการสถานการณ์โรคโควิด 19 ในระยะต่อไป 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านสาธารณสุข ด้านการแพทย์ ด้านกฎหมายและสังคม และด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ พร้อมเห็นชอบหลักการ มาตรการ และมอบหมาย ดังนี้ 1) มอบ คกก.โรคติดต่อชาติ กำหนดกรอบนโยบาย และแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค ตามมาตรา 14 (1) ของพรบ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 2) เห็นชอบหลักการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้เกินกว่าร้อยละ 60 โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงป่วยรุนแรง 3) มอบ สธ. จัดระบบการเข้าถึงยาต้านไวรัสให้สะดวกและเข้าถึงง่าย 4) มอบกรมประชาสัมพันธ์กระตุ้นให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการสวมหน้ากาก และการรับวัคซีน 5) มอบกระทรวงมหาดไทย ศึกษาข้อกฎหมายเพื่อพิจารณาตัดโรคโควิด-19 ออกจากโรคต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร ซึ่งจะเป็นการดำเนินการดำเนินการในระยะต่อไป
ศบค. เห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ต่อไปอีก 2 เดือน (1 สิงหาคม 2565 – 30 กันยายน 2565 เป็นคราวที่ 19 เพื่อยังคงไว้ซึ่งดำรงบรรดามาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 แบบบูรณาการให้มีความเป็นเอกภาพในการบังคับใช้เป็นการทั่วไปทั้งประเทศ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องเปิดประเทศ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเดินหน้าเศรษฐกิจ หวังให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิต กลับมาประกอบอาชีพได้อย่างปกติ พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดูแลตรวจตราด่านช่องทางเข้า-ออก ทั้งด่านปกติ ด่านธรรมชาติ การเปิดจุดผ่อนปรน การค้าชายแดน โดยเฉพาะจุดผ่อนปรนที่ไม่มีด่านควบคุมโรคกำกับ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่าไม่ต้องการใช้ พรก. ฉุกเฉิน ในเรื่องอื่น ๆ ทั้งสิ้น แต่มีเหตุผลความจำเป็น เป็นการแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ วัตถุประสงค์เพื่อการรักษาชีวิตของประชาชนให้มากที่สุด ฉะนั้น อย่าบิดเบือนเป็นอย่างอื่น พร้อมฝากให้ดูแลบุคลากรทางสาธารณสุขให้ดี โดยเฉพาะจังหวัดที่มีสถิติการแพร่ระบาดสูงในปัจจุบัน และขอให้กรุงเทพมหานครดูแลการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ให้มีความปลอดภัย เน้นการรณรงค์ สื่อสาร สวมหน้ากากอนามัย รวมทั้งฝากให้ ศธ. และโรงเรียนพิจารณาหามาตรการที่ปลอดภัย ในการทำกิจกรรมร่วมกันของนักเรียน และนายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งทำให้ประชาชนคนไทยได้เกิดการเรียนรู้และสามารถอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ได้ในวิถีชีวิตปกติ และผ่านพ้นช่วงวิกฤตของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ ย้ำว่ารัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ด้วยความร่วมมือของทุกคน ทุกภาคส่วน ในการนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าต่อไป
https://www.blogger.com/blog/page/edit/163607023169952299/4565312937486509077?hl=th#
วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

Home
สาธารณสุข
Express News
"ประยุทธ์"ประชุม ศบค. กำชับสธ. ติดตามอาการผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรง-การกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 สั่ง ศธ. เน้นแผนเผชิญเหตุ ป้องกันการแพร่ระบาดในโรงเรียน จี้ มท. เฝ้าระวังจุดผ่อนปรน
"ประยุทธ์"ประชุม ศบค. กำชับสธ. ติดตามอาการผู้ป่วยโควิด-19 อาการรุนแรง-การกลายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 สั่ง ศธ. เน้นแผนเผชิญเหตุ ป้องกันการแพร่ระบาดในโรงเรียน จี้ มท. เฝ้าระวังจุดผ่อนปรน
Tags
# สาธารณสุข
# Express News
Share This
About MSK-NEWS
Express News
ป้ายกำกับ:
สาธารณสุข,
Express News
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น