คปภ. ปักหมุดโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 เปิดตัวสารคดีสั้น The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ. - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

คปภ. ปักหมุดโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 เปิดตัวสารคดีสั้น The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.


เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดตัวสารคดีสั้น The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.

ในโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 โดยมี นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย อุปนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย อุปนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย เลขาธิการและประชาสัมพันธ์สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน คปภ. ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด และสื่อมวลชน เข้าร่วมอย่างคึกคัก ณ ห้องซารอน A ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ


เลขาธิการ คปภ. กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า จากข้อมูลคนพิการในประเทศไทย ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมี "คนพิการ" ที่ได้รับการออกบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 2,108,536 คน และยังพบว่ามีคนพิการอีกประมาณกว่า 1,000,000 คน ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของคนพิการได้ในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มคนพิการในประเทศนั้นมีศักยภาพและความสามารถสูง แต่ถูกจำกัดการเข้าถึงอาชีพ ยังไม่ได้รับโอกาสให้แสดงความสามารถ และอาจมีข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ดังนั้นสำนักงาน คปภ. จึงได้เล็งเห็นความสำคัญในการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงให้กับกลุ่มคนพิการอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 เพื่อส่งเสริมความรู้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยและสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่กลุ่มคนพิการ ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของการประกันภัย และสามารถเข้าถึงระบบการประกันภัยได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งเพื่อสนับสนุนโอกาสและความเท่าเทียมในสังคม และเสริมสร้างแรงบันดาลใจต่อการดำรงชีวิตให้กับกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ ภายใต้การดำเนินโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ซึ่งจัดทำเป็นปีที่ 2 โดยมีกิจกรรมหลัก ๆ 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นกิจกรรมเสวนา ซึ่งมี อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด และเลขาธิการ คปภ. เป็นผู้ร่วมเสวนา เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการด้วยการนำระบบประกันภัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 4 มิติ คือ

มิติแรก ส่งเสริมองค์ความรู้พื้นฐาน และความสำคัญของการทำประกันภัยให้แก่กลุ่มคนพิการได้ทราบถึงประโยชน์ของการประกันภัยที่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน

มิติที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ ให้สามารถตอบสนองการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกระดับ ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อคนพิการ ภายใต้ชื่อ “กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคนพิการสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)” และ “กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อมวลชน”

มิติที่ 3 เสริมสร้างศักยภาพของคนพิการ และสร้างโอกาสในเส้นทางสายอาชีพอุตสาหกรรมประกันภัยให้แก่คนพิการได้สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมประกันภัย และมิติที่ 4 เสริมสร้างแรงบันดาลใจต่อการดำรงชีวิตให้กับกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ เพื่อให้เห็นศักยภาพและความสามารถในตนเอง และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข


ส่วนที่ 2 กิจกรรมออกบูธนิทรรศการ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัย กองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเพื่อให้คำปรึกษาด้านการประกันภัย และองค์กรเพื่อคนพิการเข้าร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคนพิการ

ส่วนที่ 3 กิจกรรมมอบกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคนพิการสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวร์รันส์) ให้กับ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย รวมถึงนักดนตรีคนพิการ รวมมูลค่าความคุ้มครองสูงสุด 1.7 ล้านบาท


เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า ความพิเศษของโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 คือ สำนักงาน คปภ. ได้จัดทำสารคดีสั้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนพิการทั่วประเทศ โดยนำบุคคลต้นแบบคนพิการ 4 ท่าน มาส่งต่อแรงบันดาลใจ ภายใต้แนวคิด “The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.” โดยบอกเล่าเรื่องราว ปัญหา อุปสรรค และแรงบันดาลใจของคนพิการต้นแบบที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านโปสการ์ด ด้วยหวังว่าเรื่องราวที่นำเสนอนั้น จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ท้อแท้หรือกำลังเผชิญปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือคนปกติทั่วไป ซึ่งบุคคลต้นแบบ 4 ท่าน ที่มาส่งต่อแรงบันดาลใจ ได้แก่คุณณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ “น้องธันย์” จากที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาผู้สูญเสียขาจากอุบัติเหตุโดนรถไฟทับขาที่สิงคโปร์ แต่เธอกลับมีกำลังใจที่เข้มแข็งและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขลุกขึ้นมาส่งต่อกำลังใจให้แก่ผู้สิ้นหวังจนเป็นที่ยอมรับและถูกชื่นชมในฐานะนักสร้างแรงบันดาลใจ คุณดำเกิง มุ่งธัญญา หรือ ครูไอซ์ ครูตาบอดที่ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ถึงแม้กว่าจะมาได้เป็นครูต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ครูไอซ์ก็สามารถพิสูจน์ด้วยการกระทำและจิตวิญญาณในความเป็นครู ที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยมจนเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน คุณสายสุนีย์ จ๊ะนะ หรือที่รู้จักกันในนาม “คุณแวว ยอดนักวีลแชร์ฟันดาบสาวไทยเจ้าของ 6 เหรียญพาราลิมปิกเกมส์” ที่มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และไม่ยอมแพ้ต่อร่างกายที่เป็นอุปสรรค แต่มีจิตใจที่เป็นนักสู้โดยแท้ จนประสบความสำเร็จด้านกีฬาสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยและเป็นตัวอย่างที่น่ายกย่อง และคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุง โบรกเกอร์ จำกัด บอกเล่าประสบการณ์และความมุ่งมั่น ซึ่งทำให้ความพิการไม่เป็นอุปสรรคในการทำให้บริษัท ศรีกรุงฯ เติบโตและสามารถทำให้ตนเองก้าวมาสู่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนได้เป็น CEO ของบริษัท มีอาชีพที่มั่นคงสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้สามารถรับชมได้ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ โดยจะเริ่มออกอากาศตอนแรกทางช่อง WORKPOINT TV ช่อง 23 ในวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 22.30 น. นอกจากนี้อยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้รับชมเทปสัมภาษณ์พิเศษโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 “The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.” ผ่านทางรายการ “เจาะใจ” โดยจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2566 ทางช่อง 9 MCOT HD เวลา 21.00 น.

“ผู้พิการทุกคนล้วนมีคุณค่า มีศักยภาพ และจำเป็นต้องมีประกันภัยมาช่วยบริหารความเสี่ยง เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่พิการ ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้พิการทุกคน และจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยครับ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น