รฟท. จับมือภาคเอกชน จัดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือ ระหว่างสถานีมาบตาพุด - ชุมทางบัวใหญ่ เพิ่มขีดการขนส่งในปท.00 - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565

รฟท. จับมือภาคเอกชน จัดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือ ระหว่างสถานีมาบตาพุด - ชุมทางบัวใหญ่ เพิ่มขีดการขนส่งในปท.00

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  10 มิถุนายน 2565 เวลา 10.30 น. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์บรรทุกเกลือ ระหว่างสถานีมาบตาพุด - ชุมทางบัวใหญ่ ระหว่าง รฟท. กับ บริษัท เอ็น. อี. (1992) จำกัด ณ สถานีมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อเป็นการสนับสนุนการขนส่งสินค้าจากแหล่งวัตถุดิบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงไปยังโรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณการขนส่งสินค้า สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนพัฒนาระบบรางให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ อาทิ รถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา - คลองสิบเก้า - แก่งคอย โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ และชุมทางถนนจิระ - ขอนแก่น เพื่อขนส่งสินค้าระหว่างภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับภาคตะวันออก และท่าเรือแหลมฉบัง การใช้หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลา 20 ตัน ที่สามารถลากจูงได้สูงสุด 2,500 ตันต่อขบวน พร้อมแคร่บรรทุกตู้สินค้าที่สามารถเพิ่มปริมาณการขนส่ง รวมถึงการให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงในการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและศูนย์บริการโลจิสติกส์ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า หรือการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ อาทิ ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า สถานีขนส่งสินค้า รวมทั้งการจัดหาอุปกรณ์การยกขนตู้สินค้าทางรถไฟ ในแนวเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมโยงกับฐานการผลิตอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมของประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เนื่องจากการขนส่งสินค้าทางรางถือเป็นระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ ต้นทุนต่ำ ประหยัดพลังงาน ปลอดภัยและมีความคุ้มค่า สามารถขนส่งได้ครั้งละจำนวนมากกว่าทางถนนหลายเท่าตัว อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการช่วยเพิ่มรายได้แก่ รฟท. อีกทางหนึ่งด้วย

สำหรับความร่วมมือการเปิดเดินขบวนรถสินค้าคอนเทนเนอร์ บรรทุกเกลือ ระหว่างสถานีมาบตาพุด - ชุมทางบัวใหญ่ กับ บริษัท เอ็น. อี. (1992) จำกัด ในวันนี้จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่มีส่วนสำคัญที่ รฟท. ให้การสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรถไฟจากแหล่งวัตถุดิบในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ส่งต่อไปยังโรงงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ภายใต้กรอบระยะเวลา 1 ปี โดยขนส่งสินค้าจากศูนย์กองเก็บตู้คอนเทนเนอร์ (Container Yard) ที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ไปยังสถานีรถไฟมาบตาพุด จังหวัดระยอง ด้วยตู้คอนเทนเนอร์วางบนแคร่ จำนวน 25 แคร่ ความยาว 50 ตู้ บรรทุกน้ำหนัก 62 ตัน/เที่ยว อัตราค่าขนส่งแบบเหมาขบวนรถไปกลับเที่ยวละ 250,000.- บาท ปริมาณการขนส่งในแต่ละเดือน 15 ขบวน รวม 144 ขบวน คิดเป็นมูลค่าการขนส่งรวม 36 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะพัฒนาความร่วมมือกับ รฟท. ในระยะยาว โดยการลงทุนจัดหาตู้สินค้าเพื่อใช้ในการขนส่งสินค้าทางรถไฟโดยเฉพาะ เนื่องจากการขนส่งทางรถไฟสามารถอำนวยความสะดวกทั้งในด้านปริมาณการขนส่งและช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง รวมทั้งช่วยประหยัดต้นทุนการขนส่งได้เป็นอย่างดี
รฟท. เชื่อมั่นว่า การขนส่งสินค้าทางรางมีโอกาสขยายตัวได้มากในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุน เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งทางถนนเพิ่ม การขนส่งทางรางจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งได้ ประกอบกับรัฐบาล กระทรวงคมนาคม และ รฟท. มีการลงทุนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางรถไฟสายใหม่ รวมถึงมีการจัดหาหัวรถจักรรุ่นใหม่ ซึ่งจะเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งให้กว้างขึ้น ทำให้บริษัทขนส่งต่าง ๆ มีความเชื่อมั่นต่อการขนส่งสินค้าทางราง เห็นได้จากมีลูกค้าสนใจติดต่อเข้ามาเปลี่ยนโหมดมาใช้บริการขนส่งทางรถไฟอย่างต่อเนื่อง”
อย่างไรก็ตาม เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยมีเป้าหมายในการยกระดับศักยภาพการขนส่งทางรถไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ รฟท. ได้มีการพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีหนองคาย และ CY สถานีนาทา รวมถึงการเพิ่มขบวนรถสินค้า ทั้งรถจักร และรถพ่วง เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโลจิสติกส์ของประเทศ ในการสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลอดจนรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าข้ามแดนไทย-สปป.ลาว ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง สปป.ลาว-จีน
ท้ายนี้ รฟท. มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งผู้โดยสารและสินค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดให้บริการขนส่งสินค้าหลายประเภทในหลายเส้นทาง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาจราจร การประหยัดเชื้อเพลิง การลดมลพิษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งของไทย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคให้เติบโต ตลอดจนสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริการของภาคคมนาคมขนส่งของกระทรวงคมนาคม ในการขนส่งเสริมขนส่งทางสินค้าทั้งภายในและระหว่างประเทศผ่านระบบราง ให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับอาณาประเทศ และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น