นายกฯ มอบ 17 รางวัลเชิดชูเกียรติ อสม. ดีเด่นระดับชาติ ชื่นชมอสม. 1,050,000 คนทั่วประเทศ เป็นพลังสำคัญจัดการปัญหาโรคระบาด ฝ่าฟันภัยสุขภาพเคียงคู่รัฐ-ประชาชน - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565

นายกฯ มอบ 17 รางวัลเชิดชูเกียรติ อสม. ดีเด่นระดับชาติ ชื่นชมอสม. 1,050,000 คนทั่วประเทศ เป็นพลังสำคัญจัดการปัญหาโรคระบาด ฝ่าฟันภัยสุขภาพเคียงคู่รัฐ-ประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2565 เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่นระดับชาติ เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2565 ภายใต้แนวคิด “อสม.หมอคนที่ 1 ต้นแบบสุขภาพ ผู้นำจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิต” ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิให้เข้มแข็ง โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และบุคลากรทางการแพทย์ เข้าร่วมงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านดีเด่นระดับชาติ 17 รางวัล เนื่องในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2565 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ทั้ง 1,050,000 คนทั่วประเทศ ที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทุ่มเท เสียสละ ฝ่าฟันภัยสุขภาพเคียงคู่รัฐและประชาชน จนเกิดระบบปฐมภูมิที่เข้มแข็ง สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้คนไทย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับ อสม. ที่ได้รับรางวัลดีเด่นระดับชาติทุกคน ซึ่งถือเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจทั้งตนเองและครอบครัว โดยนายกฯ ย้ำว่า ประเทศไทยมีการวางรากฐานระบบสาธารณสุขมาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นในการบริหารจัดการโรคระบาดเพราะไทยมี อสม. ที่เข้มแข็งและทุ่มเท ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้เห็นพ้องด้วย จึงขอชื่นชม อสม. ของไทยที่เป็นพลังสำคัญในการจัดการปัญหาเหล่านี้

นายกรัฐมนตรียังแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบบริการสาธารณสุขของไทย บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึง อสม. ทุกคนในการรับมือกับวิกฤติที่เกิดขึ้น โดยยึดความปลอดภัยของคนในชาติเป็นสำคัญ ควบคู่การส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพดีวิถีใหม่ รองรับการเปิดประเทศในอนาคต โดยขอเป็นกำลังใจให้กับทุกความเสียสละ ทุ่มเทของทุกคน ที่ร่วมกันทำหน้าที่ในการดูแลสุขภาพของประชาชนคนไทยมาโดยตลอด ซึ่งการจัดงานในวันนี้ นอกจากจะเป็นการตระหนักถึงคุณค่าและคุณงามความดีของ อสม. ทั้ง 1,050,000 คนทั่วประเทศ ที่ทำงานด้วยจิตอาสา ในการดูแลสุขภาพ ทำงานเชื่อมประสานระหว่างประชาชน ชุมชน และเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี จนก่อให้เกิดระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เข้มแข็งแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดีในการยกย่องเชิดชูเกียรติแก่ อสม. ดีเด่นระดับชาติ ที่ได้ทุ่มเทการทำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งจะเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติด้วย

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยว่า อสม. ทุกคนเป็นผู้มีความสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพระบบการแพทย์ปฐมภูมิให้เข้มแข็ง โดย อสม. ทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1 คือหมอประจำบ้าน ร่วมกับหมอคนที่ 2 และ 3 เพื่อให้คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน ที่สามารถดูแลประชาชนได้อย่างใกล้ชิด และถือเป็นการสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประชาชนคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง พร้อมกับ นายกรัฐมนตรีขอบคุณ อสม. ทุกคนที่ปฏิบัติงานดูแลสุขภาพให้กับประชาชนอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งเน้นย้ำให้ อสม. เร่งให้ความรู้ แนะนำการใช้ชนิดยาและวิตามินเสริมต่าง ๆ อย่างปลอดภัย ไม่ให้ประชาชนสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น และประชาสัมพันธ์การดูแลสุขภาพให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ยืนยันรัฐบาลจะดูแล อสม. ให้ดีที่สุดตามศักยภาพงบประมาณที่มีอยู่ และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำว่า อสม. ถือเป็นกลไกภาคประชาชนจิตอาสาที่เข้มแข็ง เป็นรากฐานของสาธารณสุขไทย ดำเนินการเคียงคู่กระทรวงสาธารณสุขมากว่า 44 ปี สิ่งสำคัญที่ผ่านมา อสม. มีบทบาทสำคัญในการรับมือกับภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นในหลายเหตุการณ์รวมถึงการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง จนได้รับความชื่นชมจากสังคม โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวในนาม อสม. ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับ อสม. มาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้สนับสนุนค่าเยียวยา ค่าเสี่ยงภัย และค่าชดเชย สำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในชุมชน

ทั้งนี้ ในปี 2565 รัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายในการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิให้เข้มแข็ง โดยมุ่งหวังให้ “คนไทยทุกครอบครัว มีหมอประจำตัว 3 คน” มี อสม. ทำหน้าที่เป็นหมอคนที่ 1 คือหมอประจำบ้าน หมอคนที่ 2 คือหมอสาธารณสุข และหมอคนที่ 3 คือหมอประจำครอบครัว ร่วมกันดูแลสุขภาพของประชาชน โดย อสม. จะเป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลสุขภาพตนเอง ถ่ายทอดทักษะในการดูแลสุขภาพให้กับประชาชน ได้สามารถเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมให้ประชาชนพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพตามหลักการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานเพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น