ตำรวจไซเบอร์ รวบหนุ่มแสบแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นพนักงาน FedEx ทำหน้าที่เป็นสายที่ 1 หลอกผู้เสียหายคุณมีพัสดุผิดกฎหมายตกค้างที่กรมศุลกากร พบความเสียหายกว่า 42 ล้านบาท - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

ตำรวจไซเบอร์ รวบหนุ่มแสบแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นพนักงาน FedEx ทำหน้าที่เป็นสายที่ 1 หลอกผู้เสียหายคุณมีพัสดุผิดกฎหมายตกค้างที่กรมศุลกากร พบความเสียหายกว่า 42 ล้านบาท


ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยการหลอกลวงประชาชนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน



กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ได้กำชับสั่งการให้ทุกกองบังคับการในสังกัด เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม และต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เวลา 10.00น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 , พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก บช.สอท. , พ.ต.อ.พิเชียรยศ อรุณพันธกุล ผกก.1 บก.สอท.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวกรณี เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีพฤติการณ์การกระทำผิด และผลการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้




สืบเนื่องมาจากได้มีผู้เสียหายเป็นนักธุรกิจถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง FedEx มีพัสดุผิดกฎหมายส่งจากต่างประเทศติดที่กรมศุลาการ ได้ระบุชื่อที่พัสดุเป็นชื่อนามสกุลผู้เสียหาย มีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดฐานฟอกเงิน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปจำนวนกว่า 42 ล้านบาท ภายหลังทราบว่าถูกหลอกลวงจึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบการรับแจ้งความออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.1 จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเส้นทางการเงิน หาความเชื่อมโยงทางคดี กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ได้


ต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 14.30น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด บก.สอท.1 ได้จับกุมตัว นายสุรเกียรติ  ขอสงวนนามสกุล อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2297/2565 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันเป็นอั้งยี่,ร่วมกันเป็นซ่องโจร,ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน” ที่ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และให้การอีกว่าผู้ต้องหาได้หางานผ่านเฟสบุ๊ค พบว่ามีรับสมัครงานเป็นแอดมินเว็บพนัน จึงได้ติดต่อขอทำงานไป และได้เดินทางไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา เมื่อไปถึงพบว่าเป็นอ๊อฟฟิตแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ มีนายทุนเป็นคนจีน ผู้ต้องหาจึงตกลงทำงานด้วย โดยทำหน้าที่หลอกลวงเป็นสายที่ 1 พนักงาน FedEx มีสคริป(บท)ให้ท่องหลอกลวงว่า “คุณมีพัสดุตกค้างของขนส่ง FedEx มีหมายเลขพัสดุหรือไม่ ถ้าไม่มีให้แจ้งชื่อนามสกุล เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อแจ้งชื่อนามสกุลแล้ว พนักงานจะตรวจสอบสักครู่หนึ่ง เมื่อตรวจสอบเสร็จจะแจ้งว่าพบพัสดุผิดกฎหมายถูกกรมศุลกากรอายัดไว้โดยส่งมาในชื่อนามสกุลคุณ ต่อมาจะถามผู้เสียหายว่าเป็นคนส่งหรือไม่ ถ้าตอบ ไม่ ให้ถามต่อว่าทำไมมีชื่อคุณเป็นคนส่ง ถ้าตอบ ไม่ทราบ ให้แจ้งผู้เสียหายว่ามีการแอบอ้างในการใช้ชื่อคุณมาส่งพัสดุ ให้ผู้เสียหายเดินทางมาที่สาขา FedEx สะดวกหรือไม่ ถ้าไม่สะดวกให้ติดต่อไปที่สถานีตำรวจ จะช่วยประสานงานให้” จากนั้นเมื่อเหยื่อหลงเชื่อ จะกดต่อสายส่งไปที่สคริปคนต่อไป สายที่ 2-3 จนถึงขั้นตอนที่ผู้เสียหายโอนเงิน โดยทำงาน 08.00-16.00น. ได้เงินเดือนเดือนละ 20,000 บาท ถ้าทำยอดได้สูงจะได้เดือนละ 30,000 บาท และมีโบนัสอีก 0.1% จากยอดเงินที่หลอกได้ ผู้ต้องหาทำมา 5 เดือนเศษ ก็กลับบ้านเพราะเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้ว


ฝากไปยังประชาชนให้พึงระวังการหลอกลวงลักษณะดังกล่าว ต้องรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพ ควรมีสติก่อนการโอนเงินทุกครั้ง ควรหาข้อมูลให้รอบด้าน อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ควรตรวจสอบให้ดีก่อน “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ทั้งนี้ การปฏิบัติการของ บช.สอท. ยังคงมุ่งเน้นที่จะสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และอำนวยความยุติธรรมของประชาชนเป็นสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น