"บิ๊กตู่" เปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” นำร่องส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี - MSK News

Breaking

Home Top Ad

วันพุธที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564

"บิ๊กตู่" เปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” นำร่องส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่ จ.สิงห์บุรี


เมื่อวันที่ 20 ตค. 64 ณ วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี ตำบลบางพุทรา อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” และตรวจเยี่ยมการทดลองนำร่องนำจ่ายบริการส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ดำเนินงานโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” เพื่อการสนับสนุนนโยบายดิจิทัลเพื่อให้บริการด้านสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพด้านเครือข่ายของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ที่ทำการไปรษณีย์ ศูนย์ไปรษณีย์ และบุรุษไปรษณีย์ ที่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย แม้ในพื้นที่ห่างไกลมาขับเคลื่อนการให้บริการด้านสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นบริการขั้นพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถรับบริการที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เช่น จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ ส่งน้ำยาล้างไต ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ ส่งเตียงสนามให้แก่โรงพยาบาลสนามทั่วประเทศและจัดส่งหน้ากากอนามัยให้แพทย์ พยาบาล โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ยังได้ทดลองบินโดรนส่งยา อำนวยความสะดวกในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดด้านการขนส่งไม่ว่าสถานการณ์โควิด-19 น้ำท่วม หรือพื้นที่ทุรกันดาร ห่างไกล ให้ราบรื่นยิ่งขึ้น เพื่อเสริมสร้างสังคมคุณภาพของคนไทยด้านสาธารณสุขในอนาคต


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเดินทางมาจังหวัดสิงห์บุรีเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน เพื่อเตรียมมาตรการในการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่นอกบริเวณคันกั้นน้ำ รวมทั้งมาเปิดโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย #จากใจไปรษณีย์ไทย Deliver Wellness” และตรวจเยี่ยมการทดลองนำร่องนำจ่ายบริการส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุขแม้ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านการขนส่ง ทั้งจากสถานการณ์โควิด-19 และจากปัญหาอุทกภัย

นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า วันนี้ประเทศไทยต้องเดินหน้าไปด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลได้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์รองรับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยได้ย้ำให้มีการใช้ประโยชน์ดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น นำจ่ายบริการส่งยาและเวชภัณฑ์ด้วยโดรนในพื้นที่ การใช้เทคโนโลยีในเรื่องด้านการเกษตร โดยใช้พื้นที่ให้น้อยลงแต่ได้ผลผลิตมากขึ้นและมีคุณภาพ การใช้บริการทางด้านการเงินและโครงการรัฐบาลต่าง ๆ เช่น โครงการคนละครึ่ง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐให้ได้มากที่สุดและทั่วถึง การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เป็นต้น การดำเนินการครั้งนี้เป็นการริเริ่มและขอให้มีการขยาย พัฒนา ให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เช่นเดียวกับที่ต่างประเทศดำเนินการในเรื่องการใช้เทคโนโลยีหรือ AI หุ่นยนต์ เข้ามาช่วย ในเรื่องขนส่ง ระบบโลจิสติกส์


นายกรัฐมนตรีย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น สอดรับกับมาตรการที่ประชาชนยังคงต้องรักษาระยะห่างทางสังคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตลอดจนการเฝ้าระวังการเกิดโรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยส่งเสริมการปรับตัวสู่การแพทย์วิถีใหม่ (New Normal Medical Service) ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้บริการและให้บริการทางการแพทย์โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ประโยชน์ เพื่ออำนวยความสะดวก และเกิดความปลอดภัยทั้งตัวผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ ตลอดจนทำให้ผู้ป่วยในทุกพื้นที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

จากนั้น นายกรัฐมนตรีชมการทดสอบการบริการส่งมะม่วงด้วยโดรนโดยไปรษณีย์ไทย พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมและขอบคุณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบริษัทไปรษณีย์ไทย ที่ได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ “ส่งสุขภาพดีให้คนไทย # จากใจไปรษณีย์ไทย Delivers Wellness” ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพด้านการสื่อสาร และการขนส่ง ผ่านเครือข่ายของไปรษณีย์ไทยที่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย แม้ในพื้นที่ห่างไกล มาขับเคลื่อนการให้บริการด้านสาธารณสุข ซึ่งการขนส่งโดยใช้เทคโนโลยีบินโดรน จะช่วยเปิดมิติใหม่ด้านการสื่อสารและการขนส่งของไทยให้ก้าวไปอีกขั้น เป็นการสร้างโอกาส ลดภาระ และลดระยะเวลาในการขนส่งจากต้นทางไปปลายทางให้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การสื่อสารและการขนส่งของประเทศมีความเข้มแข็ง และก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน


ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรียืนยัน รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อสานต่อไปสู่อนาคตให้คนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องที่รัฐบาลดำเนินการไว้ให้มากที่สุด โดยต้องปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โลกปรับเราก็ต้องเปลี่ยน โดยเฉพาะสถานการณ์ของโลกหลังโควิด-19 ที่จะไม่ใช่โลกแบบเดิมเหมือนที่ผ่านมา จึงต้องแก้ปัญหา และเตรียมการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่ออนาคตที่ดีของเยาวชนและประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น